ตู้เย็นมีกลิ่น แก้ไขยังไง? ทำตามนี้ตู้เย็นกลับมาหอมสะอาดเหมือนใหม่
ตู้เย็นเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราใช้งานทุกวัน เก็บทั้งอาหารสด อาหารแช่แข็ง และอาหารปรุงสุก แต่หากละเลยการทำความสะอาด อาจเกิดปัญหา “ตู้เย็นมีกลิ่น” ได้ง่าย ซึ่งกลิ่นเหล่านี้ไม่เพียงสร้างความรำคาญ แต่ยังอาจปนเปื้อนไปสู่อาหารชนิดอื่น ๆ และส่งผลต่อสุขภาพ ก่อนจะแก้ปัญหา เรามาดูว่ากลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็นเกิดจากอะไร

สาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นมีกลิ่นเหม็น
- อาหารเน่าเสียหรือหมดอายุ เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ หรืออาหารปรุงสุกที่เก็บไว้นานเกินไปจะเริ่มเน่าเสียและปล่อยกลิ่นเหม็นออกมา ซึ่งกลิ่นสามารถซึมไปยังอาหารอื่นๆ ได้
- น้ำหกหรือเศษอาหารตกค้าง น้ำจากเนื้อสัตว์ น้ำซุป หรือซอสต่างๆ อาจหยดลงบนชั้นวางและหมักหมมจนเกิดเชื้อราและกลิ่นเหม็น
- ภาชนะปิดไม่สนิท อาหารดอง เครื่องแกง หรืออาหารที่มีกลิ่นแรง หากปิดฝาไม่แน่น จะกระจายกลิ่นทั่วตู้เย็น
- ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน คราบอาหารและฝุ่นที่สะสมในมุมต่างๆ ของตู้เย็น เช่น ซีลยาง ลิ้นชัก หรือหลังตู้ ทำให้กลิ่นสะสมเรื่อยๆ
- ช่องระบายอากาศอุดตัน ช่องหมุนเวียนอากาศในตู้เย็น หากมีเศษอาหารไปปิดกั้น จะทำให้อากาศไม่ถ่ายเทและเกิดความอับ

วิธีแก้ปัญหาตู้เย็นมีกลิ่นเหม็น
- นำอาหารที่หมดอายุหรือเน่าเสียออกทันที ตรวจสอบอาหารในตู้เย็นทุกสัปดาห์ คัดทิ้งของที่เน่าเสียหรือเริ่มมีกลิ่น เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นลามไปยังอาหารอื่น
- ทำความสะอาดตู้เย็นอย่างละเอียด
ปิดปลั๊กตู้เย็น เพื่อความปลอดภัย
นำชั้นวาง ลิ้นชัก และถาดน้ำออกมาล้าง
ใช้น้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดาเช็ดให้ทั่วทั้งในและนอกตู้ เบกกิ้งโซาช่วยขจัดคราบและดูดซับกลิ่นได้ดี
เช็ดให้แห้งสนิทก่อนประกอบกลับ
- ใช้เบกกิ้งโซาดับกลิ่น ใส่เบกกิ้งโซาลงในถ้วยเล็กๆ หรือภาชนะเปิดฝา แล้ววางไว้ในตู้เย็น จะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ยาวนาน 1–2 เดือน
- ใช้ถ่านไม้หรือถ่านกัมมันต์ ถ่านมีคุณสมบัติดูดกลิ่นและความชื้น วางไว้ตามมุมตู้เย็นเพื่อดักจับกลิ่นและยืดอายุความสดของอาหาร
- ใช้มะนาวสดหรือผงกาแฟคั่ว
มะนาว: ผ่าครึ่งแล้ววางในถ้วยเล็ก ๆ ช่วยให้กลิ่นภายในสดชื่นขึ้น
กาแฟคั่ว: กลิ่นหอมของกาแฟจะช่วยกลบกลิ่นอับในตู้เย็นได้ดี
- ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม การตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมช่วยยืดอายุอาหารและลดโอกาสเกิดกลิ่นได้
ช่องแช่เย็น: 2–4°C
ช่องแช่แข็ง: -18°C
เช็ดให้แห้งสนิทก่อนประกอบกลับ
- ทำความสะอาดยางขอบประตู ซีลยางเป็นจุดที่มักเก็บคราบอาหารและเชื้อรา ควรเช็ดด้วยน้ำผสมเบกกิ้งโซาหรือแอลกอฮอล์เพื่อกำจัดเชื้อโรคและกลิ่น

วิธีป้องกันไม่ให้ตู้เย็นมีกลิ่นอีก
- เก็บอาหารใน ภาชนะปิดสนิท หรือถุงซิปล็อก
- เช็ดคราบทันทีเมื่อมีน้ำหรืออาหารหก
- จัดอาหารให้เป็นระเบียบ เลี่ยงการวางจนบังช่องลม
- ตรวจสอบและเคลียร์อาหารที่ไม่ได้ใช้ทุกสัปดาห์
- ทำความสะอาดตู้เย็นอย่างน้อยเดือนละครั้ง
แนะนำตู้เย็นแบรนด์ CHiQ

CHiQ ตู้เย็นมินิบาร์ ขนาด 1.60 Q รุ่น CSR46DB สีดำ
จุดเด่นสินค้า
- เก็บความสดใหม่ของอาหารและเครื่องดื่มในพื้นที่จำกัด ด้วยความจุที่ลงตัว 46 ลิตร
- ดีไซน์ทันสมัย สีดำหรูหรา เหมาะสำหรับทุกการตกแต่ง
- เสียงรบกวนต่ำเพียง 35 เดซิเบล ทำให้ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
- ประหยัดพลังงานด้วยการใช้ไฟเพียง 150 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี
- ขนาดกะทัดรัด 470*447*496 มม. เหมาะสำหรับห้องนอน สำนักงาน หรือห้องพัก

CHiQ ตู้เย็นมินิบาร์ ขนาด 3 Q รุ่น CSR92DS สีเงิน
จุดเด่นสินค้า
- เก็บความสดใหม่ของอาหารและเครื่องดื่มในพื้นที่จำกัด ด้วยความจุที่ลงตัว 46 ลิตร
- ดีไซน์ทันสมัย สีดำหรูหรา เหมาะสำหรับทุกการตกแต่ง
- เสียงรบกวนต่ำเพียง 35 เดซิเบล ทำให้ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
- ประหยัดพลังงานด้วยการใช้ไฟเพียง 150 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี
- ขนาดกะทัดรัด 470*447*496 มม. เหมาะสำหรับห้องนอน สำนักงาน หรือห้องพัก

CHiQ ตู้เย็น 2 ประตู ขนาด 4.9 คิว รุ่น CTM138LS สีเทา
จุดเด่นสินค้า
- สัมผัสประสบการณ์การเก็บรักษาอาหารที่ยอดเยี่ยมด้วยตู้เย็น CHiQ สองประตู ขนาด 4.9 คิว รุ่น CTM138LS สีเทา
- ความจุ 138 ลิตร เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด
- การออกแบบที่ทันสมัย สีเทาสวยงาม
- ประหยัดพลังงานด้วยการใช้ไฟฟ้าต่ำ
- เสียงเงียบกวนใจน้อย ทำให้คุณไม่ต้องรำคาญ
- เพียง 60 วัตต์ เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกบ้าน
สรุป
การแก้ปัญหา ตู้เย็นมีกลิ่น ไม่ได้ซับซ้อน เพียงเริ่มจากการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่น ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี และใช้ตัวช่วยจากธรรมชาติ เช่น เบกกิ้งโซดา มะนาว ถ่านไม้ ก็สามารถทำให้ตู้เย็นกลับมาหอม สดชื่น ปลอดภัยต่อการเก็บอาหารได้